|
|
|
|
|
|
|
|
เพื่อให้การเคลื่อนไหวเท้าและลำตัวมีประสิทธิภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับเท้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาเท้า และเพื่อปรับเท้าให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง (subtalar neutral) ทำให้ลำตัว ขาและเท้าสมดุลกันมากขึ้นจึงส่งผลให้การเดินดีขึ้นด้วย ภายในร่างกายของมนุษย์เรานั้นมีโครงกระดูกซึ่งโครงกระดูกเหล่านี้ประกอบด้วย กระดูกทั้งหมด 208 ชิ้น ในจำนวนนี้มีกระดูกบริเวณเท้าอยู่ 26 ชิ้น ซึ่งเท้า2ข้างนั้นจะมีกระดูกทั้งหมด 52 ชิ้น คิดเป็น 1 ใน 4 ของกระดูกทั้งหมดในร่างกาย ฉะนั้นการมีโครงสร้างเท้าที่ดีจึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง
|
|
|
|
เครื่องวัดเท้า ใช้ในการวัดเพื่อหาจุดที่รับน้ำหนักและแรงกดของฝ่าเท้า โดยจะวัดเท้าของผู้ป่วยเพื่อทำการวิเคราะห์ผล ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำ
Force Plate เป็นเครื่องวัดเท้า ที่ใช้วัดเท้าได้ใกล้เคียงกับการเดินปกติ เครื่องวัดจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของสีและตัวเลขตามแรงกดและการกระจายน้ำหนักบนฝ่าเท้า เครื่องวัดเท้านั้นทำมาจากแก้วซึ่งมีความหนา ทนทาน ได้มาตรฐาน การวัดเท้านั้นจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
|
|
|
|
อุปกรณ์เสริมทางการแพทย์สำหรับเท้าเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว และOrthotics มีส่วนช่วยให้โครงสร้างกระดูกบริเวณเท้าเกิดความสมดุล ช่วยลดการบาดเจ็บของเท้า อีกทั้งยังช่วยปรับรูปเท้าให้ดีขึ้น
ความสมดุลของเท้า การมีเท้าที่สมบูรณ์ไม่ผิดรูป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระดูกบริเวณเท้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับกระดูกบริเวณข้อเข่า และเชื่อมโยงไปถึงข้อต่อบริเวณสะโพกอีกด้วย
นอกจากนี้เท้ายังถูกเรียกว่า หัวใจดวงที่ 2 ถ้าการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดไม่ดีก็มักจะมีอาการเจ็บปวดตามมา เช่น อาการปวดบ่าไหล่ อาการปวดหลัง เป็นต้น
|
|
|
|
ได้แก่ ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง (Hallux valgus), เท้าแบน (Flat foot), โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis) เป็นต้น ส่งผลทำให้เกิด อาการปวดหลัง (Back pain) เอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles tendonitis) ปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ (Osgood) กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ (Shin splint) อาการปวดไหล่ (Shoulder pain) รวมถึงอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด (Poor Blood Circulation) ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งอาการบาดเจ็บของเท้าส่งผลต่อร่างกายได้หลายส่วน
โดยคลินิกของเราให้บริการรักษาเท้า โดยการใช้ Insole ที่สามารถดัดเท้าของผู้ป่วย และปรับกระดูก STJ (Subtalar Joint คือกระดูกบริเวณส่วนปลายข้อเท้า) เพื่อให้เท้าของผู้ป่วยคงสภาพโค้งเว้าของฝ่าเท่า ป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น ส่งผลดีต่อการรักษาเท้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
|
|
|
|
ในสมัยก่อนมีหมอผู้เชี่ยวชาญรักษาโรคเกี่ยวกับเท้า ซึ่งเรียกการรักษาเท้าว่า POD และรูปแบบในการรักษาเท้าของแต่ละประเทศนั้นค่อนข้างแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างประเทศที่มีการรักษาด้านเท้า เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตเลีย เป็นต้น ในประเทศที่กล่าวมานั้น การรักษาเท้าถูกแยกตามหลักสูตรการแพทย์และชนิดของโรคที่ทำการรักษา
Podiatrist แต่เดิมถูกเรียกว่า Chiropodist หลังจากที่มีการจัดตั้งสมาคมการแพทย์ในปี 1912 เป็นต้นมา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา การรักษาเท้าก็ได้แพร่ขยายไปทั่ว และได้กำเนิด Podiatrist POD ขึ้น
ในปัจจุบันการรักษาเท้าโดย POD นั้น จะทำการรักษาโดยการให้คำแนะนำเกี่ยวกับเท้า และการแก้ปัญหา เพื่อให้การรักษาเท้าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงมีการรักษาเท้าหลักๆ คือ การป้องกันถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเท้า และลดอาการปวดที่จะเกิดขึ้นกับบริเวณเท้า
ดังนั้น ผู้ป่วยจะต้องตระหนักถึงความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลเท้า การรักษาเท้าโดย POD จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เท้าของผู้ป่วยกลับมามีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
|
|
|
|
|